🛢 สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 19 – 23 ก.ย. 65 และแนวโน้ม 26 – 30 ก.ย. 65
✔ ในสัปดาห์ล่าสุด ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบอ้างอิงทุกชนิด ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า กว่า 1-3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยในปลายสัปดาห์ปิดตลาดลดลง 5-6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน หลังธนาคารกลางทั่วโลกเร่งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
✔ CME Group รายงานแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จากมุมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงิน 19 ราย คาดว่าอัตราดอกเบี้ย ในช่วงปลายปี 2565 จะเพิ่มสู่ระดับ 4.25-4.50% บ่งชี้การขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง รวมกัน 1.25%
✔ อย่างไรก็ตามอุปทานน้ำมันโลกมีแนวโน้มตึงตัว โดย CEO ของ Abu Dhabi National Oil Co. (ADNOC) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุว่ากำลังการผลิตน้ำมันสำรองในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำ หากเกิด Supply Disruption อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มอย่างรวดเร็ว
🛢 ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖ 21 ก.ย. 65 ที่ประชุม FOMC ของสหรัฐฯ มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.75% อยู่ที่ระดับ 3.0-3.25% สูงสุดตั้งแต่ปี 2551
➖ 22 ก.ย. 65 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษ มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.50% อยู่ที่ 2.25% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่ม 0.75% อยู่ที่ 2.5% แต่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษแถลงยืนยันว่า MPC จะตอบสนอง (ต่ออัตราเงินเฟ้อ) อย่างเต็มกำลัง ตามความจำเป็น แม้อาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอย
➖ Petroleum Planning and Analysis Cell ของอินเดียรายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ ในเดือน ส.ค. 65 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 17.55 ล้านตัน (4.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน
➖ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ มีแผนระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ปริมาณ 10 ล้านบาร์เรล ในเดือน พ.ย. 65 ซึ่งเป็นการขยายเวลาจากแผนเดิมที่จะระบายน้ำมันจาก SPR ปริมาณ 180 ล้านบาร์เรล ในช่วงเดือน เม.ย.- ต.ค. 65 ทั้งนี้ สหรัฐฯ ระบายน้ำมันจาก SPR แล้ว 155 ล้านบาร์เรล
🛢 ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเพิ่มความตึงเครียด หลังประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Vladimir Putin ประกาศเคลื่อนพล โดยเรียกทหารกองหนุนรัสเซียจำนวน 300,000 นาย ไปยังยูเครน