✔ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น นักลงทุนกังวลต่ออุปทานน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มจะตึงตัว หากสหภาพยุโรป (European Union: EU) คว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 6 ซึ่งรวมถึงยุติการนำเข้าน้ำมัน และเข้าซื้อจากแหล่งจัดหาอื่นๆ ทดแทน โดยเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของ EU แสดงท่าทีสนับสนุนการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย คาดว่า EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงภายในสัปดาห์นี้
✔ในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7) เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 สมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ให้คำมั่นที่จะร่วมกันยุติการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
✔จับตาท่าทีของรัสเซีย ในวันที่ 9 พ.ค. 65 ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองรำลึกชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 (Victory Day) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าประธานาธิบดี นาย Vladimir Putin จะกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะเหนือยูเครน แม้สงครามยังไม่สิ้นสุด ซึ่งอาจเพิ่มความตึงเครียดต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน
.
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission : EC) นาง Ursula von der Leyen เสนอมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงยุติการนำเข้าน้ำมันดิบภายใน 6 เดือน และยุติการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปภายในสิ้นปี 2565 (ยกเว้นฮังการี และสโลวาเกีย จนถึงสิ้นปี 2566) ทั้งนี้ IEA รายงานสหภาพยุโรปนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในปี 2564 อยู่ที่ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
➕ 5 พ.ค. 65 ที่ประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือน มิ.ย. 65 เพียงจำกัด ตามแผนเดิม ที่ 432,000 บาร์เรลต่อวัน
➕Reuters รายงานบริษัทน้ำมันแห่งชาติ PDVSA ของเวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ในเดือน เม.ย. 65 ลดลงจากเดือนก่อน 8% อยู่ที่ 644,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากระบบการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันประสบปัญหาทางเทคนิค
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖4 พ.ค. 65 คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) มีมติเอกฉันท์ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 22 ปี มาอยู่ที่ 0.75%-1% และให้ปรับลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ซึ่งอยู่ที่ 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะลดการถือครองพันธบัตร
➖5 พ.ค. 65 การประชุมคณะกรรมการวุฒิสภาของสหรัฐฯ (Senate Judiciary Committee) มีมติ 17:4 ผ่านร่างกฎหมาย No Oil Producing or Exporting Cartels หรือ NOPEC ซึ่งเปิดโอกาสให้อัยการสหรัฐฯ ฟ้องร้องผู้ผลิตน้ำมัน (เช่น ประเทศสมาชิกในกลุ่ม OPEC) หากจำกัดปริมาณการผลิตเพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน