ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากสงครามยูเครนทวีความรุนแรงและเหตุกราดยิงในกรุงมอสโก
.
สถานการณ์การสู้รบในยูเครนทวีความรุนแรง วันที่ 22 มี.ค. 67 รัสเซียใช้ขีปนาวุธและโดรนโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำให้ไฟฟ้าดับทั่วยูเครนและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ยูเครนต้องจัดหาไฟฟ้าฉุกเฉินจากโปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย ต่อมายูเครนโจมตีโรงกลั่น Kuibyshev (177 KBD) และ Novokuibyshev (140 KBD) ของบริษัท Rosneft ในภูมิภาค Samara ของรัสเซีย
.
ที่ประชุมสุดยอดผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) วันที่ 21-22 มี.ค. 67 เห็นชอบให้นำผลตอบแทนจากทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดในยุโรป (มูลค่ารวม 2.7 แสนล้านยูโร หรือ ประมาณ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) นำไปซื้ออาวุธให้ยูเครน 90% และส่วนที่เหลือ 10% ใช้สนับสนุนอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของยูเครน
.
วันที่ 22 มี.ค. 67 เกิดเหตุก่อการร้ายรุนแรงในรัสเซียจากการกราดยิง มีผู้เสียชีวิต 137 ราย และบาดเจ็บ 180 ราย ที่ฮอลล์คอนเสิร์ต Crocus City Hall ในเมือง Krasnogorsk ซึ่งติดกับกรุงมอสโก ขณะกำลังจัดคอนเสิร์ตวงร็อก Picnic ต่อมากลุ่ม Islamic State แถลงว่าเป็นผู้ลงมือ ส่วนรัสเซียจับผู้ต้องสงสัย 4 รายขณะกำลังพยายามหลบหนีไปยูเครน ซึ่งประธานาธิบดี Vladimir Putin กล่าวว่าทางยูเครนเตรียมเปิดทางให้ข้ามแดน
.
อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ อาทิ สหรัฐฯ ที่ประธานกรรมการบริษัท ConocoPhillips นาย Ryan Lance กล่าวในการประชุม CERAWeek ว่าสหรัฐฯ ที่จะผลิตน้ำมันดิบในปี 2567 ที่ระดับ 14 MMBD (EIA คาดว่าผลิต 13.5 MMBD ในปี 2567)