น้ำมัน

พี่วาฬชวนรู้ ทำไมน้ำมัน ‘ยูโร 5’ ช่วยลดฝุ่นและสารก่อมะเร็งได้

Pinterest LinkedIn Tumblr

พี่วาฬชวนรู้  ทำไมน้ำมัน ‘ยูโร 5’ ช่วยลดฝุ่นและสารก่อมะเร็งได้, Whale Energy Stationปี 2567 นี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยได้เริ่มบังคับใช้มาตรฐานคุณภาพน้ำมันยูโร 5 เพื่อควบคุมการปลดปล่อยมลพิษจากรถยนต์ ซึ่งมีความสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของประชาชนในปัจจุบัน พี่วาฬจะมาสรุปให้ฟังว่ามาตรฐานยูโร 5 คืออะไร ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเราอย่างไร?

ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ถือเป็นปัญหาสำคัญระดับประเทศ ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 20 ปี จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ในปี 2566 คนไทยป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศรวมกว่า 9,200,000 คน สะท้อนให้เห็นแสดงปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างมาก โดยตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)”  มีการกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหาฝุ่นทั้งในด้านภาคขนส่งซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดมลพิษไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรและการเผาทางการเกษตร การแก้ไขปัญหาจากแหล่งต้นทางแหล่งกำหนดฝุ่น ยกระดับขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาจราจร ขณะเดียวกันก็มีการหาวิธีการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการพัฒนาสถานีชาร์จ และอีกหนึ่งแนวทางที่ดำเนินการคือ มาตรการยกระดับมาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่จากระดับยูโร 4 ให้เป็นยูโร 5 และยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ที่จำหน่ายหน้าสถานีบริการจากระดับยูโร 4 ให้เป็นยูโร 5 ที่กำหนดให้มีกำมะถันในเนื้อน้ำมันไม่เกินกว่า 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (10 ppm) จากยูโร 4 ที่กำหนดไว้ไม่เกินกว่า 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (50 ppm) ซึ่งลดลงกว่า 5 เท่าเลยทีเดียว และน้ำมันกลุ่มดีเซลจะต้องยกระดับมาตรฐานคุณภาพเพิ่มเติม ลดปริมาณสารก่อมะเร็งอย่าง กำมะถัน สารอะโรมาติกส์ และสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (PAHs) จากไม่ให้เกิน 11% เป็นไม่ให้เกิน 8% ยิ่งลดได้ก็ยิ่งเป็นการลดมลพิษทางอากาศที่ทำลายสุขภาพของเรานั่นเองครับ

พี่วาฬชวนรู้  ทำไมน้ำมัน ‘ยูโร 5’ ช่วยลดฝุ่นและสารก่อมะเร็งได้, Whale Energy Station

มาตรฐานยูโร คืออะไร?

มาตรฐานยูโร (Euro Emissions Standards) คือ มาตรฐานกำหนดการปล่อยมลพิษของยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ให้เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง และ มาตรฐานการปล่อยไอเสียจากรถยนต์ โดยมีข้อกำหนดหลักในการควบคุมปริมาณ กำมะถัน สารอะโรเมติกส์ และสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เพื่อลดมลพิษในเนื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนถูกเผาไหม้ในเครื่องยนต์และปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม โดยมีข้อมูลอ้างอิงในกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา หรือสิงคโปร์ ว่ามีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นหลังจากการบังคับใช้มาตรฐานการปล่อยมลภาวะอย่างเข้มงวด

มาตรฐานน้ำมันยูโร 1 ถูกประกาศใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2535 และมีการประกาศยกระดับมาตรฐานน้ำมันยูโรมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันอยู่ที่มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 พี่วาฬบอกข้อสังเกตให้ครับ ยิ่งตัวเลขยูโรยิ่งมาก แสดงว่ายิ่งปล่อยมลพิษน้อยลงนั่นเอง ซึ่งมาตรฐานน้ำมันยูโรนั้นมีการบังคับใช้ในประเทศแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศในเอเชียอย่าง จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึงประเทศไทยด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาของ PM2.5 ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่น การเผาป่าเพื่อทำการเกษตร การก่อสร้างที่มีการขุดเจาะ การคมนาคมจากควันท่อไอเสียและการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ การสูบบุหรี่ จุดธูป เผากระดาษ ฯลฯ ต่าง ๆ ซึ่งไทยเองก็มีการยกระดับมาตรฐานน้ำมันมาโดยตลอด โดยเริ่มบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และล่าสุดคือมาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ที่เริ่มบังคับใช้ในปี 2567 นี้เอง

พี่วาฬชวนรู้  ทำไมน้ำมัน ‘ยูโร 5’ ช่วยลดฝุ่นและสารก่อมะเร็งได้, Whale Energy Station

การปรับมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 เป็นยูโร 5 ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างไรบ้าง?

ผลกระทบต่อผู้ผลิตน้ำมัน

เนื่องจากการปรับมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 เป็นยูโร 5 เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับโรงกลั่นน้ำมัน ที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยใช้เงินลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบการกลั่นและเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยผลิตน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ภายในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งพี่วาฬมองว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของผู้ผลิตมาก ๆ เพราะต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ภายใต้เวลาที่จำกัดและสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวน การเปลี่ยนผ่านรูปแบบการใช้พลังงาน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 เดิม ผู้ผลิตน้ำมันจึงจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายให้สะท้อนมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น และเป็นไปในแนวทางเดียวกับตลาดน้ำมันในภูมิภาคที่เชื่อมโยงกับตลาดโลก

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

สำหรับผู้ใช้รถยนต์มาตรฐานเก่า (รถยนต์ Euro 3 และ Euro 4) สามารถใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้ โดยไม่เกิดปัญหา และในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีเครื่องยนต์ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เพราะค่ายรถยนต์ต้องติดตั้งตัวกรองฝุ่นละอองให้ได้ตามมาตรฐานนั่น แต่ผลประโยชน์สำคัญที่ผู้บริโภคอย่างเราได้รับเต็มที่จากเรื่องนี้ ก็คือการช่วยแก้ปัญหา PM2.5 ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราทุกคนนั่นเองครับ

จากที่กล่าวมาทั้งพี่วาฬขอสรุปว่า มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราทุกคนให้ดีขึ้น เพราะมีส่วนช่วยในการลดฝุ่น PM2.5 และลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งหากเราไม่เริ่มแก้ไขและปล่อยทิ้งไว้ก็จะส่งผลเสียกระทบต่อสุขภาพของเราทุกคนในระยะยาว และแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ส่งผลทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มสูงขึ้น แต่พี่วาฬคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า เพราะมันมาพร้อมกับคุณภาพชีวิตและคุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นทั้งสำหรับเราและคนรุ่นต่อ ๆ ไปนะครับ

 

ที่มา : 

https://www.thaihealth.or.th/%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5/

https://www.prachachat.net/economy/news-1451904