สิ่งแวดล้อม

Net Zero Emission มุ่งสู่โลกไร้คาร์บอน

Pinterest LinkedIn Tumblr

Net Zero Emission มุ่งสู่โลกไร้คาร์บอน, Whale Energy Station         สถานการณ์โลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน คือสัญญาณอันตรายที่ทำให้ทั่วโลกไม่อาจนิ่งเฉย หรือมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังๆ มานี้ Net Zero Emission หรือก็คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ จะกลายเป็นวาระสากลที่ทั่วโลกตั้งเป้าว่าอยากจะทำให้สำเร็จ วันนี้พี่วาฬเลยอยากมาชวนคุยว่า ทำไม Net Zero Emission ถึงเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ทุกประเทศอยากไปให้ถึง และประเทศไทยจะไปถึง Net Zero Emission ได้อย่างไร

         ก่อนอื่น พี่วาฬขอทำความเข้าใจก่อนว่า Net Zero Emission ไม่ใช่การไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ แต่เป็นการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก พร้อมกับสร้างสมดุลในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยแนวคิดที่ว่า ผลิตก๊าซเรือนกระจกออกมาเท่าไหร่ ก็ต้องหาวิธีดูดกลับ หรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกนั้นให้ได้เท่ากับที่ปล่อยออกมา

         ส่วนเหตุผลที่ทำให้ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับ Net Zero Emission ถึงขนาดขีดเส้นตายว่า ต้องบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission ให้ได้ภายในปี 2050 ก็เพราะว่า ถ้าเรายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ โลกก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลทั้งต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมด

         ดังนั้นถ้าเราอยากควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทุกประเทศต้องร่วมด้วยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 45% ภายในปี 2030 และเข้าสู่ Net Zero Emission ให้ได้​ภายในปี 2050 ซึ่งตอนนี้ก็มีกว่า 137 ประเทศแล้ว ที่ให้คำมั่นว่าจะบรรลุ Net Zero Emission ภายในปี 2050

         สำหรับประเทศไทยเอง ก็มีหมุดหมายสำคัญว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และเป็น Net Zero Emission ภายในปี 2065

         แน่นอนว่า การที่จะพิชิตเป้าหมาย Net Zero Emission ภายในเวลาที่จำกัดได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมา พี่วาฬก็เห็นว่ามีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ออกมาประกาศกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน ปักหมุดไปสู่​ Net Zero Emission มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นก็คือ กลุ่ม ปตท. ที่จริงจังกับเรื่อง Net Zero Emission จนพี่วาฬอยากเอามาเล่าสู่กันฟัง เพราะเขามีนโยบาย PTT Net Zero ที่วางเป้าหมายไว้ชัดเจน

         ในก้าวแรก กลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าว่า​จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี 2030 ก้าวถัดมา คือ บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 ส่วนปลายทาง คือ ต้องการบรรลุเป้าหมาย  PTT Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายประเทศถึง 15 ปี โดยปตท. จะใช้ แนวคิด “เร่งปรับ – เร่งเปลี่ยน – เร่งปลูก” เพื่อไปให้ถึง  PTT Net Zero

เร่งปรับ : ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage : CCS) พร้อมกับนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์สูงสุด (Carbon Capture and Utilization : CCU) ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ เดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิต นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ควบคู่ไปกับการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต และผลักดันการใช้พลังงานไฮโดรเจน

เร่งเปลี่ยน : เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาดและการเติบใตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน

เร่งปลูก : เพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยการปลูกป่าอย่างยั่งยืน

         นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังเดินเครื่องเต็มที่เพื่อสานต่อนโยบาย PTT Net Zero ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ กลุ่มบริษัท Envision บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อลดคาร์บอน ด้วยการนำแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ มาใช้ที่อาคารต้นแบบ M4 ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) จ.ระยอง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของวังจันทร์วัลเลย์ เพื่อทำให้อาคารดังกล่าวเป็นอาคาร Zero Import ทั้งหมดทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จ กลุ่ม ปตท. จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero Emission

         ทั้งหมดที่พี่วาฬเก็บมาเล่าให้ฟัง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ PTT Net Zero ที่ทางกลุ่ม ปตท. ตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเทศไทยไปสู่ Net Zero Emission แต่อย่างที่บอกว่า Net Zero Emission เป็นวาระระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ซึ่งพี่วาฬหวังว่าจะได้เห็นภาคส่วนต่างๆ ออกมาร่วมมือร่วมใจสร้างโลกที่น่าอยู่ให้เกิดขึ้นจริง

 

อ้างอิง :
https://www.pttplc.com/th/Media/News/Content-34524.aspx
https://www.pttplc.com/th/Media/News/Content-30295.aspx?page=11
https://www.nxpo.or.th/th/9651/
https://www.posttoday.com/business/688724