สิ่งแวดล้อม

‘คามิคัตสึ’ โมเดลเมืองต้นแบบของโลก “ขยะเป็นศูนย์”

Pinterest LinkedIn Tumblr

‘คามิคัตสึ’ โมเดลเมืองต้นแบบของโลก “ขยะเป็นศูนย์”, Whale Energy Station

คามิคัตสึ (Kamikatsu) เมืองเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ที่เกาะชินโชกุของญี่ปุ่น มีกระบวนการจัดการขยะที่ทรงประสิทธิภาพ อย่างการแยกขยะมากถึง 45 ประเภท จากการนำแนวคิด Zero Waste พร้อมกับใช้หลักการง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้โดยการ ลดขยะ (reduce) รีไซเคิล (recycle) และการใช้ซ้ำ (reuse) จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นเมืองต้นแบบที่ปลอดขยะของโลก

ในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้สุดท้าทาย คือการเป็นเมืองที่ปลอดขยะ 100% ซึ่งตอนนี้เมืองคามิคัตสึสามารถจัดการขยะได้กว่า 80 % ที่เหลืออีก 20 % จัดการด้วยการฝังกลบ โดยส่วนที่เป็นขยะเปียก หรือขยะอินทรีย์ก็ถูกแปรรูปหมักเป็นปุ๋ยหมัก ทั้งแบบหมักในถังพลาสติกและย่อยสลายในถังไฟฟ้า

‘คามิคัตสึ’ โมเดลเมืองต้นแบบของโลก “ขยะเป็นศูนย์”, Whale Energy Station

เมืองคามิคัตสึ เป็น 1 ใน 8 เมือง Zero Waste ของญี่ปุ่นที่ถูกยกเป็นโมเดลเมืองปลอดขยะ ที่นี่นำแนวคิด Zero Waste มาใช้เมื่อปี 2003 ในช่วงแรกก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำโดยง่ายดายเพราะต้องเริ่มด้วยการเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยให้เริ่มจากการคัดแยกขยะภายในครัวเรือน พร้อมกับการจัดตั้งสถานีแยกขยะไว้ในชุมชน ซึ่งหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้เมืองคามิคัตสึกลายเป็นมืองปลอดขยะ คือ ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับขยะ หรือ Zero Waste Academy องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ให้ความรู้และมีระบบบริหารจัดการ

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่าเมืองคามิคัตสึ มีการจัดการปัญหาขยะ 2 แบบ คือ 1. ใช้พลังงานไฟฟ้า เปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ย 2. เป็นแบบใช้ถังขยะเปียกเพื่อหมักขยะในบ้าน โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น เครื่องหมักขยะราคา 52,000 เยน รัฐบาลจะช่วยออก 40,000 เยน และ ประชาชนจ่ายแค่ 10,000 เยน ด้วยวิธีนี้ทำให้ขยะเปียกของที่นี่ถูกกำจัดได้หมด จึงถือว่าเป็นโมเดลที่น่าสนใจ ที่รัฐจะต้องเข้ามาสนับสนุน (Subsidy)

ส่วนขยะแห้งต้องมีการแยกขยะที่บ้าน และชาวบ้านต้องนำมาส่งเพื่อแยกอีกทีที่ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับขยะ ที่เรียกว่า Zero Waste Academy ทำหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการจัดการขยะในทุกๆด้าน โดยมีหลักการ/แนวคิด (Concept) ว่าไม่มีขยะ หรือ Zero Waste ซึ่งหมายถึง สิ่งของทุกชิ้นยังมีคุณค่าไม่ใช่ของที่จะทิ้ง แต่สามารถปรับปรุงหรือรีไซเคิล เพื่อนำมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งคนญุี่ปุ่นจะมีเป็นคนที่เคารพกฎหมายมาก

การทิ้งขยะของคนญุี่ปุ่น มีความเข้มงวดถึงขนาดว่าต้องมีการจ่ายเงินเพื่อการจัดการขยะ เช่น หากต้องการทิ้งขยะต้องไปซื้อสแตมป์ซึ่งเท่ากับเป็นการจ่ายค่าจัดการขยะตามราคาของสิ่งของที่จะทิ้ง

“การทิ้งขยะของญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะต้องเสียเงิน หรือใช้ระบบความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต Extended Producer Responsibility; EPR) ซึ่งแม้แต่การซื้อรถของญุี่ปุ่นก็มีการบวกค่าจัดการขยะไว้แล้ว ทำให้คนญี่ปุ่นหันมาใช้รถสาธารณะ เห็นได้ว่าการจัดการบริหารขยะแบบประเทศญุี่ปุ่น เพื่อที่จะก้าวไปเป็น Zero Waste นั้นต้องมีการบูรณาการในทุกๆ ด้านทั้งภาครัฐ และภาคประชาสังคม รวมถึงต้องมีการคิดอย่างเป็นระบบเพื่อให้การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม” เลขาธิการสช. กล่าว

หมู่บ้านคามิคัตสึ (Kamikatsu) ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวเขียวขจีและป่าภูเขาบนเกาะชิโกกุทางตะวันตกของญี่ปุ่น ด้วยผู้อยู่อาศัยน้อยกว่า 1,700 คน ที่นี่จึงเป็นหมู่บ้านที่เล็กที่สุดบนเกาะแห่งนี้ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหมู่บ้านได้เป็นข่าวไปทั่วโลก

ทั้งนี้เป็นเวลาหลายสิบปีที่หมู่บ้านแห่งนี้มีความคิดที่จะจัดการขยะ โดยติดว่าจะใช้เตาเผาขยะหรือฝังดิน อย่างไรก็ตามโครงการที่ใช้เตาเผาขยะได้ถูกล้มเลิกไป ทำให้หมู่บ้านต้องทบทวนแผนยุทธศาสตร์กำจัดขยะกันใหม่ จนกลายเป้าหมายที่ท้าทายและสูงส่ง นั่นคือการเป็นเมืองที่มีปลอดขยะ 100% ภายในปี 2563

ทุกวันนี้ขยะมากกว่า 80% ของเมืองไม่ต้องนำไปเผาและฝังกลบอีกต่อไปแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้ง่าย ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติอย่างจริงจัง

“ปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวและนักพัฒนาที่อยากมาดูการจัดการขยะ ในแต่ละปีมีคนมาท่องเที่ยวที่นี่จำนวนมาก ช่วยสร้างรายได้ให้กับคนที่นี่ แทบไม่น่าเชื่อว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ทิ้งขยะจากกลุ่มคนเล็กจะส่งสามารถมี impact ที่ีดีแบบนี้ต่อทั่วโลกได้ “ อาริกะ ประธาน Zero Waste Academy กล่าว

‘คามิคัตสึ’ โมเดลเมืองต้นแบบของโลก “ขยะเป็นศูนย์”, Whale Energy Station ‘คามิคัตสึ’ โมเดลเมืองต้นแบบของโลก “ขยะเป็นศูนย์”, Whale Energy Station