🛢สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 4 – 8 ก.ค. 65 และแนวโน้ม 11 – 15 ก.ค. 65
✔ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI ปิดตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 2% หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน มิ.ย 65 เพิ่มขึ้น 372,000 ราย ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวอยู่ที่ 3.6% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
✔อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีนยังไม่คลี่คลาย กดดันความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ โดยวันที่ 10 ก.ค. 65 ทางการจีนรายงานพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron BA.5.2.1 ในเมือง Shanghai ซึ่งรองประธานคณะกรรมการสุขภาพของ Shanghai ออกมาเตือนว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะมีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น และอาจเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมการแพร่กระจายตามนโยบายผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นศูนย์
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ประธานาธิบดีคาซัคสถานประกาศเตรียมเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบทดแทนการขนส่งผ่านท่อ Caspian Pipeline Consortium (CPC) หากต้องระงับการขนส่งตามคำสั่งศาลรัสเซียที่ให้หยุดดำเนินการเป็นเวลา 30 วัน เหตุตรวจพบน้ำมันรั่วไหลเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 65
➕กระทรวงกิจการเศรษฐกิจและการควบคุมการส่งออกของเยอรมนี รายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 65 เพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อนหน้า
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖นักลงทุนกังวลที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือการที่ประเทศมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดย Bloomberg Poll คาดการณ์ว่ามีโอกาส 38% ที่สหรัฐฯ จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75%
➖EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 423.8 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 เดือน
➖สำนักสถิติแห่งชาติของจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ ในเดือน มิ.ย. 65 อยู่ที่ +2.5% จากปีก่อนหน้า สูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 เนื่องจากราคาหมูเพิ่มสูงขึ้น
