🛢สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 28 มี.ค. – 1 เม.ย. 65 และแนวโน้ม 4 – 8 เม.ย. 65
✔ราคาน้ำมันดิบทุกชนิดเฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยวันที่ 1 เม.ย. 65 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ประกาศระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ปริมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน ปริมาณรวม 180 ล้านบาร์เรล ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ต.ค. 65 ซึ่งเป็นปริมาณที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ อนึ่ง ปริมาณสำรองน้ำมันดิบใน SPR ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. 65 อยู่ที่ 568.3 ล้านบาร์เรล
✔ด้านประเทศสมาชิกของ International Energy Agency (IEA) ประกาศในวันที่ 1 เม.ย. 65 ร่วมมือกับสหรัฐฯ ระบายน้ำมันดิบจาก SPR ของแต่ละประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประกาศระบายน้ำมันครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 65 ปริมาณรวม 62 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม IEA ไม่ได้ระบุปริมาณที่แต่ละประเทศจะรับผิดชอบ อนึ่ง IEA มีปริมาณสำรองน้ำมันใน SPR รวมอยู่ที่ 1,500 ล้านบาร์เรล
✔สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในตะวันออกกลางผ่อนคลาย โดยวันที่ 2 เม.ย. 65 ทูตพิเศษซึ่งเป็นตัวแทนของสหประชาชาติ (United Nations: UN) นาย Hans Grundberg ประกาศว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ Houthi ในเยเมน ซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุน ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบียและพันธมิตร (กาตาร์ บาห์เรน คูเวต จอร์แดน และโมร็อกโก) บริเวณชายแดนซาอุดีอาระเบียและเยเมน เป็นเวลา 2 เดือน เริ่มต้นวันที่ 2 เม.ย. 65 นับเป็นการประกาศหยุดยิงเป็นครั้งแรกในรอบปีจากความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบีย (นิกายสุหนี่) กับอิหร่าน (นิกายชีอะฮ์) ผ่านกบฏ Houthi ที่ยืดเยื้อมากว่า 7 ปี
✔ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 100 – 107 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕Reuters รายงานรัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท ในเดือน มี.ค. 65 ลดลง 0.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 11.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน
🛢ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖การประชุม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ในวันที่ 31 มี.ค. 65 มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. 65 ปริมาณ 0.432 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามข้อตกลงเดิมที่กำหนดไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค. 64 โดยประชุมครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ค. 65 โดยกลุ่ม OPEC ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องให้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่สูงขึ้น เนื่องจากจะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลให้กับตลาดน้ำมันโลกมากกว่าประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ