✔️ ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 12 และราคาน้ำมันดิบ Dubai เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ทางด้านประธานาธิบดีโปแลนด์ เปิดเผยว่า หากรัสเซียใช้อาวุธเคมีในการบุกโจมตียูเครน อาจทำให้กองกำลังของ NATO ตัดสินใจใช้กำลังทหารแทรกแซง
✔️ นอกจากนี้ กลุ่มมหาอำนาจ G7 และสหภาพยุโรปจะร่วมกันผลักดันการเพิกถอนสถานะ “ชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง” ของรัสเซีย ในฐานะสมาชิกองค์การการค้าโลก ซึ่งรัสเซียจะถูกระงับการประโยชน์ทางการค้าต่าง ๆ อีกทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรห้ามนำเข้าสินค้าจากรัสเซียเพิ่มเติม
✔️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นประกาศให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศสามารถลดปริมาณขั้นต่ำในการเก็บน้ำมันสำรองของภาคเอกชนจาก 70 วัน เหลือ 66 วัน ระหว่างวันที่ 10 มี.ค. – 8 เม.ย. 65 เพื่อให้โรงกลั่นสามารถระบายน้ำมันออกสู่ตลาดได้ 7.5 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ ญี่ปุ่นปฏิบัติตามนโยบายของ IEA ที่เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกร่วมกันระบายน้ำมันจากคลังสำรองปริมาณรวม 60 ล้านบาร์เรลเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมันโลก
✔️ ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 106.8 – 118.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ ด้านการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจ P5+1 ประเทศออสเตรีย ในรอบที่ 9 ยุติลงโดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากรัสเซียเรียกร้องให้ที่ประชุม JCPOA รับประกันว่าการคว่ำบาตรรัสเซียในปัจจุบันจะไม่กระทบกับความร่วมมือด้านการค้าและการทหารระหว่างรัสเซียและอิหร่าน โดยนักการทูตจากกลุ่ม E3 ยืนยันจะไม่ต่อรองใด ๆ กับรัสเซีย เพราะถือเป็นเรื่องนอกเหนือข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งนี้การเจรจารอบถัดไปเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖ ประธานสภาหอการค้าด้านปิโตรเลียมเวเนซุเอลาเผยว่า หากสหรัฐฯ อนุมัติคำร้องของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลาในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา การผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาจะเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายใน 3 เดือน จากปริมาณการผลิตในเดือน ม.ค. 65