🛢️ อัปเดตสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 31 ม.ค.- 4 ก.พ. 65 และแนวโน้ม 7-11 ก.พ. 65
✔️ ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9%-4.1% เนื่องจากตลาดยังคงวิตกต่อกรณีวิกฤติยูเครนอย่างต่อเนื่องหากบานปลาย ชาติตะวันตกอาจดำเนินการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียในชั้นแรก และรัสเซียอาจตอบโต้โดยการคว่ำบาตรทางพลังงาน ทำให้เกิดสภาวะอุปทานพลังงานขาดแคลนโดยเฉพาะในยุโรป ล่าสุดสหรัฐฯ ร้องขอให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนเส้นทางการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวไปยังยุโรปหากการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียหยุดชะงัก โดยญี่ปุ่นจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นผู้นำเข้าหลักของ LNG แต่ต้องแน่ใจว่ามีอุปทานภายในประเทศอย่างเพียงพอก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศอื่น
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ สถานการณ์ยูเครน-รัสเซียที่ตึงเครียด สหรัฐฯ ประกาศเสริมกำลัง NATO ในยุโรปตะวันออก โดยจะเคลื่อนย้ายกำลังทหารประมาณ 3,000 นาย ไปยังโปแลนด์ และโรมาเนีย
➕ NOC ลิเบียประกาศหยุดดำเนินการท่าส่งออกน้ำมัน 7 แห่งเนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน โดยเมื่อ 4 ก.พ. 65 ลิเบียผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ในปี 2564 ผลิตเฉลี่ยที่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
➕ คลังน้ำมันในยุโรปถูกโจมตีทางไซเบอร์ขยายเป็นวงกว้าง Reuters รายงานบริษัทอีก 2 ราย คือ SEA-TANK ในเบลเยียม และ Evos ในเนเธอร์แลนด์ หลังจากบริษัท 2 ราย คือ Oiltanking และ Mabanaft ในเยอรมนี โดนโจมตีก่อนหน้าทำให้บริษัทฯ เหล่านี้ต้องระงับการดำเนินงานบางส่วน ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งน้ำมันทางเรือในบริเวณเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และทั่วเยอรมนี
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖ 2 ก.พ. 65 ที่ประชุมกลุ่ม OPEC+ มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 400,000 บาร์เรลต่อวัน MoM ในเดือน มี.ค. 65 โดยคาดว่าตลาดน้ำมันในปี 2565 จะอยู่ในภาวะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันสูงกว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันอย่างไรก็ตามอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19 ในครึ่งปีหลัง 2565 ทั้งนี้กลุ่ม OPEC+ จะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2 มี.ค. 65
➖ สภาวะอากาศหนาวเย็นจัดในสหรัฐฯ อาจทำให้โรงกลั่นน้ำมันบริเวณ Gulf Coast บางส่วนหยุดดำเนินการ