สถานการณ์ตลาดน้ำมัน สัปดาห์ที่ 21 – 25 มิ.ย. 64 และแนวโน้ม 28 มิ.ย.- 2 ก.ค. 64 โดยทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
++ ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกับสภา Congress ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินรวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาทิ โครงการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภคด้านพลังงานที่สะอาด, ผลิตน้ำประปา, ขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ รวมทั้งช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ
++ อิหร่านไม่ต่ออายุข้อตกลงที่อนุญาตให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency – IAEA) เข้าไปตรวจสอบเก็บข้อมูลการดำเนินการด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน สิ้นสุดลงในวันที่ 24 มิ.ย. 64 ทำให้ชาติมหาอำนาจขาดข้อมูลที่จำเป็นต่อการเจรจาระงับโครงการนิวเคลียร์ ประกอบกับประธานาธืบดีใหม่ของอิหร่าน นาย Ebrahim Raisi ที่ก่อนหน้ามีตำแหน่งประธานศาลสูงสุดและมีท่าทีแข็งกร้าวต่อชาติตะวันตกและปัจจุบันเป็นบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ อาจทำให้การเจรจายากลำบากขึ้นส่งผลให้อิหร่านไม่สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้ตามที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
— กระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ (Ministry of Petroleum and Natural Gas) ของอินเดียรายงาน โรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Crude Throughput) ในเดือน พ.ค. 64 ลดลงจากเดือนก่อน 7.7% อยู่ที่ 4.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. 63 เนื่องจากการ Lockdown จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
— Bloomberg รายงานว่ารัสเซียมีแผนเสนอให้ OPEC+ เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ส.ค 64 ทั้งนี้ ปัจจุบัน OPEC+ ลดการผลิตในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. 64 ที่ 6.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 5.759 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ และจะประชุมในวันที่ 1 ก.ค. 64 เพื่อกำหนดมาตรการสำหรับเดือน ส.ค. 64
📌 แนวโน้มราคาน้ำมัน
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 65 – 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ และยุโรปประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของ COVID-19 โดยใช้กลยุทธ์กระจายวัควีนให้มากที่สุด โดย สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชน 54% และชาวยุโรปได้รับวัคซีนประมาณ 40-60% (ยกเว้นอังกฤษ ที่ได้รับ 65%) ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ประกอบกับสภาคองเกรส
สหรัฐฯ อนุมัติงบประมาณ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับโครงการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ ให้ติดตามการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน OPEC และชาติพันธมิตร (OPEC+) ในวันที่ 1 ก.ค. 64 เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือน ส.ค. 64 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ OPEC+ เริ่มมาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพื่อรับมือวิกฤติการณ์ COVID-19 ตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 เป็นต้นมา และทยอยเพิ่มการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้น้ำมันดิบที่ฟื้นตัว โดยเดือน ก.ค. 64 มีแผนลดการผลิตที่ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน