ปี 2566 เป็นปีที่ ปตท. ครบรอบ 45 ปี หากเปรียบเทียบอายุ 45 ปีขององค์กรกับบุคคลแล้ว พี่วาฬมองว่า ถือเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในชีวิตและกำลังส่งต่อความมั่นคงนั้นให้กับลูกหลานต่อไป เพื่อน ๆ อยากรู้จัก ปตท. มากขึ้นแล้วใช่ไหมว่า ตลอด 45 ปี ปตท. นั้นได้ผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง และอะไรคือ The Secret Power ที่ทำให้ ปตท. พัฒนาก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ได้อย่างแข็งแกร่งควรค่าแก่ความภาคภูมิใจของคนไทย พี่วาฬจะเล่าให้ฟังเอง
45 ปี ปตท. พลังไทยเพื่อไทย
จุดเริ่มต้นของ ปตท. เกิดขึ้นในปี 2521 ภายใต้ชื่อ “การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย” เพื่อรับมือวิกฤตการณ์พลังงานขาดแคลนทั่วโลก ในขณะนั้นประเทศไทยต้องพึ่งพาพลังงานจากต่างชาติเกือบทั้งหมดและประสบกับภาวะน้ำมันขาดแคลน ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงานมากขึ้น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในการเป็นองค์กรที่ดูแลด้านพลังงานของไทยเพื่อคนไทย
ปี 2524 เป็นไฮไลท์สำคัญในช่วงเวลา 45 ปี ปตท. เมื่อ ปตท. ได้สำรวจพบแหล่งก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทย จึงมีการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลเส้นแรกจากแหล่งผลิตเอราวัณในอ่าวไทย มาขึ้นฝั่งที่จังหวัดระยอง เพื่อนำก๊าซฯ ส่งไปยังโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ต่อมาในปี 2528 ปตท. ได้เริ่มดำเนินกิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 1 และเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีภายในประเทศเป็นครั้งแรก (ปัจจุบัน ปตท. ขยายการดำเนินงานโรงแยกก๊าซฯ เพิ่มถึง 7 หน่วย) เป็นประวัติศาสตร์สำคัญของไทยในการพัฒนากิจการด้านพลังงานและปิโตรเคมีครบวงจร ทำให้เกิดพื้นที่เศรษฐกิจชายฝั่งภาคตะวันออกเป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชน
จากวันนั้นถึงวันนี้ ปตท. ไม่ใช่เป็นเพียงบริษัทพลังงานแห่งชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของคนไทยที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นสร้างเสริมสิ่งดี ๆ ให้กับประเทศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย คำขวัญที่คนไทยทั้งประเทศรวมทั้งพี่วาฬยังจดจำได้ถึงทุกวันนี้ก็คือ ปตท. “พลังไทย เพื่อไทย”
บรรลุเป้าหมายการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
อีกหนึ่งไฮไลท์ในห้วงเวลา 45 ปี ปตท. เป็นเหตุการณ์หลังจาก ปตท. ได้ผ่านความท้าทายสำคัญจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 นั่นคือ การที่ ปตท.ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2544 เป็นก้าวย่างสำคัญที่ทำให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของ ปตท. การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เพียงแต่ทำให้ ปตท. มีความสามารถในการบริหารจัดการ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ปตท. สามารถเข้าช่วยเหลือธุรกิจพลังงานของไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนั้นมาได้ และรักษาธุรกิจสำคัญนี้ให้เป็นของคนไทย เป็นการเติมพลังแรงสุดขีดติดปีกการดำเนินงานให้สามารถบรรลุเป้าหมายการขยายความมั่นคงด้านพลังงานได้อย่างไม่สิ้นสุด
ปตท. ได้ก้าวสู่การพัฒนาองค์กรในหลายด้าน เช่น การพัฒนาธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานให้มีความเข้มแข็ง การพัฒนาสถานีบริการน้ำมันให้ทันสมัย การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ การดำเนินกิจการของ ปตท. อยู่ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งพี่วาฬเห็นว่าเป็นแนวทางปฏิบัติระดับสากลและทำให้ ปตท. ติดอันดับ Fortune Global 500 บริษัทเดียวในไทยในปี 2547
ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ไม่ว่าจะเผชิญความท้าทายในสถานการณ์ใด ๆ ปตท. และคนไทยทุกคนต่างเคียงข้างและสนับสนุนกันในทุก ๆ ด้าน อย่างด้านพลังงาน ตลอด 45 ปี ปตท. รับภาระเรื่องการดูแลราคาพลังงานซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นหลายต่อหลายครั้ง พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนดูแลค่าครองชีพประชาชนในด้านพลังงานที่เกิดจากความผันผวนของราคามาโดยตลอด ด้านสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ปตท. ก็ดูแล ทั้งยังขอบคุณคนไทยทุกคนด้วยที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดีในทุก ๆ สิ่งที่ ปตท. ดำเนินการให้ อย่างเช่น โครงการปลูกป่าฯ 1 ล้านไร่ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2537 ได้รับความสำเร็จและมีการต่อยอดสู่โครงการ “รักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง” และการขยายพื้นที่ปลูกป่าเพิ่มอีก 2 ล้านไร่ของ กลุ่ม ปตท. ในปี 2566
ความมั่นคง 45 ปี ปตท. สู่ปัจจุบันและอนาคตที่ยั่งยืน
ตอนนี้สถานการณ์พลังงานโลกเปลี่ยนไป ภาวะโลกรวนกลายเป็นวาระที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันโดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน 40 ปีนับจากนี้ หมายความว่า ปัจจุบัน เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานแบบเดิมสู่พลังงานทดแทนซึ่งล้วนต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยยีและนวัตกรรมใหม่แทบทั้งสิ้น
ปตท. โดยการนำของ CEO คนปัจจุบัน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต” เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยในปี 2566 ปตท. มุ่งเน้นการขยายกิจการในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน นั่นคือ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยไม่ละทิ้งการรักษาความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ ซึ่ง ปตท. ยึดเป็นภารกิจสำคัญมาโดยต่อเนื่อง ทำให้ในปีนี้ ปตท. ติดอันดับมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดและเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก จาก Brand Finance Global บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก
พี่วาฬเชื่อว่า การเติบโตก้าวหน้ามาถึงปัจจุบันของ ปตท. เป็นเพราะมี The Secret Power ที่เป็นแรงผลักดันสนับสนุนมาตลอดระยะเวลา 45 ปี ปตท. นั่นก็คือ คนไทยทุกคนทั่วประเทศที่ต่างสนับสนุนดูแลส่งเสริมซึ่งกันและกัน ดูอย่างในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ปตท. ได้จัดตั้งโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” เพื่อช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยโควิดครบวงจร มอบเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์จำเป็นให้แก่โรงพยาบาล มีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้คนไทยหลายโครงการ เช่น โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนกว่า 45 พื้นที่ใน 29 จังหวัด โดยใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ของกลุ่ม ปตท. มีการปลูกป่าเพิ่มเติมร่วมกับกลุ่ม ปตท. อีก 2 ล้านไร่ รวมเป็น 3 ล้านไร่เพื่อเป้าหมายการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในปีนี้ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง
ในโอกาสครบรอบ 45 ปี ปตท. ได้ส่งมอบบทเพลงพิเศษ “เธอคือพลังของฉัน” โดยสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับศิลปิน GMM และพี่เบิร์ด ธงไชยและอิ้งค์ วรันธร เพื่อแทนความรู้สึกขอบคุณจากผู้บริหารและพนักงาน ปตท. ให้คนไทยทุกคนร่วมกันจุดพลังชีวิต ขับเคลื่อนอนาคต มอบพลังความสุขให้แก่กันและมุ่งสู่อนาคตร่วมกันกับสังคมไทยตลอดไป
นี่แหละ The Secret Power สำหรับ ปตท. พี่วาฬขอยิ้มอิ่มสุขไปด้วยกันนะคร้าบ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.pttplc.com/th/Media/News/Content-36540.aspx
https://www.pttplc.com/th/Media/News/Content-40851.aspx
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing/2713499