รู้ไหม? ประเทศไทยมี Smart City ด้วยนะ นั่นก็คือ Wangchan Valley นั่นเอง! ครั้งนี้พี่วาฬเลยอยากมาแนะนำ วังจันทร์วัลเลย์ (Wangchan Valley) ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่าง ปตท. กับ สวทช. โดยมีจุดประสงค์ที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งโครงการนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ในระดับอาเซียนเลยละ แล้วที่สำคัญนะ วังจันทร์วัลเลย์แห่งนี้ได้นำแนวคิดเมืองอัจฉริยะ 7 ด้านที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มาใช้ด้วยนะ
ยังไม่หมดเท่านี้นะ พี่วาฬรู้มาอีกว่าโครงการเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City ในไทย Wangchan Valley เนี่ย ยังโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยผลักดันและพัฒนาเหล่าผู้ประกอบการ นักลงทุน และสตาร์ทอัพต่าง ๆ โดยนักวิจัยและพัฒนาในไทยที่เข้ามาพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์นั้นจะได้สิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- การยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงสุด 13 ปี
- ยกเว้นอากรนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการทำวิจัยและพัฒนา
- สมาร์ทวีซ่าสำหรับผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ รวมถึงครอบครัว
- พื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
- โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้สอยร่วมกันได้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
พี่วาฬมองว่า วังจันทร์วัลเลย์เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการจะลุยในธุรกิจแห่งอนาคต และอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ หรือ New S-Curve นั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้จะกลายเป็นรากฐานสร้างเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ขึ้นมาให้เติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก ตามนโยบาย Thailand 4.0 ที่ต้องการจะเปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมที่เป็นอยู่ไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศไทยของเราก้าวสู่การแข่งขันในอุตสาหกรรมระดับโลก
พี่วาฬมาบอก Smart City ในไทย Wangchan Valley ช่วยให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นยังไง
หลายคนคงสงสัยว่า เมืองอัจฉริยะอย่างวังจันทร์วัลเลย์จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราได้จริงหรอ พี่วาฬบอกเลยว่าได้ เพราะวังจันทร์วัลเลย์เป็นโครงการ Smart City ในไทยที่จะเป็นต้นแบบในการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมพื้นฐานต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองอัจฉริยะแห่งนี้ แล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตจริง พี่วาฬเลยจะยกตัวอย่างเทคโนโลยีและนวัตกรรมบางอย่างที่ได้เริ่มนำมาใช้แล้วใน Smart City แห่งนี้ เช่น พื้นที่อยู่อาศัยที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกสุด ๆ อย่างระบบ Internet of Thing ที่เชื่อมต่อทั้งโครงการไว้ทีเดียว เช่น การจองพื้นที่จอดรถ (Smart Parking), การเรียกรถบัสอัตโนมัติมารับที่สถานี, อุปกรณ์ในบ้านที่สั่งการด้วยผ่าน Application Wangchan Valley ที่จะช่วยให้ทุกคนสั่งการทุกอย่างได้ด้วยนิ้วเดียว รวมถึงการรักษาความปลอดภัยใน Smart City ด้วยกล้อง CCTV ที่สามารถมองเห็นได้ชัดแม้ในกลางคืน ระบบภายในถูกเชื่อมเข้ากับระบบส่วนกลางที่คอยตรวจสอบความผิดปกติภายในพื้นที่เมืองอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง และประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยดับเพลิง ที่พร้อมช่วยเหลือในเวลาฉุกเฉินอีกด้วย สมแล้วกับการเป็นเมืองอัจฉริยะในไทย
ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นนะ ทางวังจันทร์วัลเลย์มีการพัฒนานวัตกรรมให้เกิดขึ้นและนำไปใช้งานแล้วหลาย ๆ อย่างในพื้นที่ Smart City แห่งนี้ เช่น เจ้าเอี้ยง โดรนอัจฉริยะเพื่อการเกษตรที่จะช่วยยกระดับเกษตรกรไทยให้ก้าวหน้าสุด ๆ นอกจากนี้ ยังมีการผลิตแบตเตอรี่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ผลิตในโรงงานต้นแบบวิจัยแบตเตอรี่ในวังจันทร์วัลเลย์ รวมไปถึงพื้นที่ UAV Test Field ที่ปลดล็อกทุกกฎของการใช้งานอุปกรณ์ UAV ต่าง ๆ เช่น โดรน อากาศยานไร้คนขับ ที่จะสามารถใช้พื้นที่เพื่อทดสอบและวิจัยได้เต็มที่ไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังมีโรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี เทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่น ๆ ในเมืองอัจฉริยะ กำลังถูกพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงอีกเยอะแยะไปหมดชนิดที่ว่าพี่วาฬนับไม่ไหวเลยละ
นอกจากนี้ Smart City แห่งนี้ยังมีสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ในวังจันทร์วัลเลย์อีกด้วย นั่นก็คือ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ หรือ KVIS และ สถาบันวิทยิสิริเมธี หรือ VISTEC ซึ่งทั้ง 2 สถาบันก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมออกมาหลายอย่างแล้ว เช่น นวัตกรรมจากหญ้าสู่เซลล์ผลิตไฟฟ้า และโครงการขยะเพิ่มทรัพย์ ที่เปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและช่วยลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตกลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยพัฒนาสิ่งดี ๆ ให้กับคนไทยได้เยอะเลยล่ะ
และนอกจากส่วนที่เป็นพื้นที่สนับสนุนด้านนวัตกรรมแล้ว พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ยังได้สร้างศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ไว้อีก เช่น ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จะให้ความรู้กับคนที่สนใจการปลูกป่าตามแนวคิด MIYAWAKI และศูนย์การเรียนรู้เกษตรนวัตจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ไว้สำหรับให้ความรู้กับทุกคนที่ได้เข้าไปหาความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการเกษตร ใครสนใจก็มาเยี่ยมชมได้ที่วังจันทร์วัลเลย์ได้เลย
พี่วาฬบอกได้เลยว่าพื้นที่ Smart City ในไทย Wangchan Valley แห่งนี้สมแล้วกับที่เราจะเรียกว่าเมืองอัจฉริยะ หรือเมืองนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง จากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว นอกจากวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง แล้ว ปัจจุบันในไทยยังมี Smart City อยู่อีกหลายที่เลยนะ เช่น ไอทีซิตี้ จ.ภูเก็ต จุดเริ่มต้นของ Smart City, เมืองเกษตรอัจฉริยะ จ .เชียงใหม่, Smart Mobility ขนส่งอัจฉริยะ จ.ขอนแก่น ซึ่งต่อไปถ้าเรามี Smart City เพิ่มมากขึ้นก็จะช่วยให้การบริหารโครงสร้างและการจัดการเมือง การบริหารทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเน้นไปที่ออกแบบที่ดีจากแนวคิดทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของเราทุกคนนั่นเอง
อ้างอิง: