ธุรกิจ

แผน 5 ปี ปตท. เตรียมงบลงทุนในอนาคตเพิ่มเป็น 3.3 แสนล้านบาท

Pinterest LinkedIn Tumblr

แผน 5 ปี ปตท. เตรียมงบลงทุนในอนาคตเพิ่มเป็น 3.3 แสนล้านบาท, Whale Energy Station

บอร์ด ปตท. อนุมัติแผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2564-2568) วงเงินรวม 179,072 สำหรับโครงการที่มีความชัดเจนแล้ว ขณะเดียวกันมีการเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) โดยปรับเพิ่มเป็น 331,524 ล้านบาท จากแผนเดิมที่เคยอนุมัติช่วงต้นปี 203,583 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127,941 ล้านบาท เพื่อการเติบโต และเสริมสร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. จากความเชี่ยวชาญของธุรกิจเดิม

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC ) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. หรือ บอร์ด ปตท. ได้มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2564-2568) วงเงินรวม 179,072 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนในโครงการที่มีความชัดเจนแล้ว (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้น ยังได้มีการจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 331,524 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่เพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่บอร์ดเคยอนุมัติไว้เมื่อต้นปี จำนวน 203,583 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127,941 ล้านบาท

โดยวงเงินสำหรับการลงทุนในอนาคตดังกล่าว เตรียมไว้เพื่อสร้างการเติบโตและเสริมสร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. จากความเชี่ยวชาญของธุรกิจเดิม อาทิเช่น โครงการ Southern LNG Terminal และท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2018) การขยายการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจก๊าซธรรมชาติสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า (Gas-to-Power) ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของวิถีชีวิตแบบใหม่และนิเวศทางเศรษฐกิจใหม่ (New Ecosystem Business Model) เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและทิศทางของโลก อาทิ ห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า (Electricity Value Chain) รวมถึงการมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Life science (ธุรกิจยา ธุรกิจ Nutrition ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์)

นอกจากนี้ ยังมีงบการลงทุนในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด เพื่อให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ตามแผนยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้ แผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี จะมีการทบทวนในทุกๆ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในปี 2563 นับเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงและราคาน้ำมันที่ตกต่ำ

สำหรับงบลงทุนในโครงการที่มีความชัดเจนแล้วตามแผนในปี 2564-2568 วงเงินรวม 179,072 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) ที่บอร์ด ปตท. อนุมัติ นั้น แบ่งเป็น เงินลงทุนในหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ 17, ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ 7, ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมและสำนักงานใหญ่ ร้อยละ 5, ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ร้อยละ 1 และ การลงทุนในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ร้อยละ 70 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยการลงทุนยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses) ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนที่ ปตท. ดำเนินงานเอง (ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ) อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 (คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณร้อยละ70 ) ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติประมาณร้อยละ 14 ของงบการลงทุน 5 ปี อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่าย ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 การลงทุนในธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกรวมถึงธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศประมาณร้อยละ 42 ของงบการลงทุน 5 ปี และธุรกิจอื่นๆ ประมาณร้อยละ 14 ของงบการลงทุน 5 ปี

นอกจากนี้ ปตท. ยังคงจัดสรรงบประมาณลงทุนในโครงการสำคัญๆ เพื่อสนับสนุนแผนงานในการดูแลเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) จุดยุทธศาสตร์แห่งใหม่ เพื่อพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ของประเทศ ที่จะเป็นพื้นที่ในการขับเคลื่อนการวิจัย พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศและปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ รวมถึงการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงาน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม รวม 25,828 อัตรา ผ่านโครงการ “Restart Thailand”