🛢️ อัปเดทสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 4-8 ต.ค. 64 และแนวโน้ม 11-15 ต.ค. 64
- ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในตลาดโลก เฉลี่ยรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยสัปดาห์ก่อน ราคา ICE Brent ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี และ NYMEX WTI สูงสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด เคลื่อนไหวเหนือระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทะยานขึ้นจากช่วงต้นปีที่ประมาณ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
- ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการตัดสินใจของ OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ซึ่งยืนยันเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 ตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการเรียกร้องจากประเทศผู้นำเข้าให้เพิ่มปริมาณการผลิตมากกว่านี้เพื่อคลายภาวะตลาดน้ำมันตึงตัว ดังที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประมาณการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ปริมาณการผลิตจะต่ำกว่าปริมาณการใช้อยู่ 1.7 แสนบาร์เรลต่อวัน หาก OPEC และพันธมิตรไม่มีการปรับเปลี่ยนข้อตกลงเดิม
- ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มจะอยู่ในกรอบ 79-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีโอกาสที่ ICE Brent จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ คือ 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
➕ ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ประเมินว่าโรงไฟฟ้าจะหันมาใช้น้ำมันแทนก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า อาทิ FGE คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้น้ำมันจากโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ Bank of America คาดเพิ่มขึ้น 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นต้น
🛢️ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
➖ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Funds Flow) ซึ่งดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวบริเวณระดับ 94 จุด สูงสุดในรอบปี