สถานการณ์น้ำมันสัปดาห์ 7-11 ธ.ค. 63 และคาดการณ์สัปดาห์ 14-18 ธ.ค. 63 โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก🛢
• Food and Drug Administration (FDA) ของสหรัฐฯ รับรองความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนต้าน COVID-19 ตัวที่สอง จากบริษัท Moderna พัฒนาร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยคณะกรรมการเห็นว่าวัคซีนของโมเดอร์นามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ต่อผู้รับวัคซีนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
• รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการคว่ำบาตรกดดันอิหร่าน โดยประกาศขึ้นบัญชีดำ 4 บริษัท ที่สนับสนุนการส่งออกสินค้าปิโตรเคมีให้บริษัท Triliance Petrochemical Co Ltd. ได้แก่ บริษัท Donghai International Ship Management Ltd. และ Petrochem South East Ltd. ในจีน, Alpha Tech Trading FZE และ Petroliance Trading FZE ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ🛢
• Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแทนขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig) ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. 63 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 5 แท่น มาอยู่ที่ 263 แท่น สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 63
• ผู้ว่าการรัฐ New York ของสหรัฐฯ นาย Andrew Cuomo ประกาศให้ร้านอาหารหยุดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 63 เนื่องจากอัตราการแพร่ระบาดของ COVID-19 (Transmission Rate: RT) แตะระดับ 1.3 (ผู้ติดเชื้อ 1 ราย แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น 1.3 ราย) ขณะที่เยอรมนีเริ่มปิดร้านค้าและสถานศึกษา ช่วง 16 ธ.ค. 63 – 10 ม.ค. 64
แนวโน้มราคาน้ำมัน🛢
ราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลต่อแผนเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังรัฐสภาสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยา COVID-19 มูลค่า 908,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะนี้กำลังร่างกฎหมาย เพื่อลงมติในวันที่ 21 ธ.ค. 63 ในขณะเดียวกัน China National Petroleum Corp. (CNPC) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีนจะแตะระดับสูงสุดในปี 2573 ที่ 740 ล้านตัน (ประมาณ 14.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เพิ่มขึ้น 1.4% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในปี 2562 และจะลดลงสู่ระดับ 310 ล้านตัน (ประมาณ 6.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ในปี 2593 ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 50 – 54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล