สถานการณ์น้ำมันสัปดาห์ 30 พ.ย.-4 ธ.ค.63 และคาดการณ์สัปดาห์ 7-11 ธ.ค. 63 โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
· Reuters รายงานสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ เตรียมพร้อมฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของบริษัท Pfizer / BioNTech ในวันที่ 8 ธ.ค. 63 โดยมีแผนที่จะฉีดให้กับประชากรในวัย 80 ปีขึ้นไปเป็นลำดับแรก ต่อด้วยบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งมีความเสี่ยงสูง จากการดูแลผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด
· OPEC+ มีมติลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. 64 เพียงเดือนเดียว (เดิม OPEC+ มีแผนจะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบจากระดับปัจจุบันที่ลด 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปเป็น 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. 64 – เม.ย. 65) และ OPEC+ จะประชุมพิจารณาทุกเดือนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพตลาดน้ำมัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
· Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแทนขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig) ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 63 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 5 แท่น มาอยู่ที่ 246 แท่น
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ ICE BRENT และ NYMEX WTI มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข่าววัคซีนป้องกันไวรัส อีกทั้งตลาดคาดว่าสหรัฐฯ จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่า 908,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน ด้านอุปทานน้ำมัน OPEC+ คาดว่าราคาน้ำมันในปี พ.ศ. 2564 จะผันผวนมากขึ้นส่งผลให้บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ บริหารความเสี่ยงราคายากขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีอิหร่าน นาย Hassan Rouhani กล่าวว่าอิหร่านกำลังเตรียมปรับการผลิตน้ำมันดิบให้เต็มกำลังการผลิตที่ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า หลังจาก นาย Joe Biden ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ มีแผนจะกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ (Joint Comprehensive Plan of Action, JCPOA) สัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบดิบ Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
