ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มกลับมาสูงสุด 48.75
ถ้าเทียบกับช่วงเกิดวิกฤตโลก ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
สาเหตุหลักๆ ที่ราคาน้ำมันดิบกลับมาสูงขึ้นเป็นไปได้ว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจาก 4 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
สัญญาณความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19
– ที่สหรัฐฯ และเยอรมนีพร้อมแจกจ่ายวัคซีนแก่ประชาชนภายในเดือน ธ.ค. 63 ขณะที่ประสิทธิภาพในการรักษาของวัคซีนพัฒซนาถึงกว่า 90 % (Pfizer และ BioNTech)
การประชุมสามัญ OPEC+ วันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 63
– มีแนวโน้มขยายเวลามาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอีก 3-6 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 63
กระบวนการเปลี่ยนผ่านของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้น
– คณะทำงานถ่ายโอนอำนาจของนาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับช่วงต่อจากคณะทำงานของประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่างเป็นทางการ
เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
– ดัชนี Dow Jones สำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 30,046 จุด
– ดัชนี S&P 500 ใกล้ทำสถิติสูงสุดประวัติการณ์ (ล่าสุด อยู่ที่ 3,635 จุด)
– ขณะที่ Safe Haven มีแนวโน้มต่ำลง ทั้งดัชนีดิลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง (ล่าสุด อยู่ที่ 92.16 จุด)
– ราคาทองคำต่ำสุดในรอบ 4 เดือน (ล่าสุด อยู่ที่ 1,805 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์)
**ล่าสุด Bank of America คาดการณ์ราคา Brent จะแตะ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในฤดูร้อนปี 2654 **
ทั้งนี้สามารถเข้าไปตรวจสอบ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์แบบเรียลไทม์ได้ที่นี่ : th.investing.com/commodities/brent-oil