นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยว่า กรณีที่ประชุมสภานโยบายฯ เห็นชอบแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ.2564-2570 เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้การพัฒนามีทิศทางที่ชัดเจน โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) อยู่ระหว่างจัดทำแผนใน 3 ด้าน คือ 1. การพัฒนากำลังคนเพื่อสนองความต้องการโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี 2. การพัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพ ประกอบด้วย การพัฒนาการเรียนการสอน การส่งเสริมให้บุคลากรที่มีศักยภาพ ทั้งวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม รวมถึง ดึงนักวิจัยจากต่างประเทศเข้ามาช่วยพัฒนาการเรียนการสอน และ 3. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งจะพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ทั้งการอัพสกิล และรีสกิล จัดทำหลักสูตรพัฒนาในระบบออนไลน์ คาดว่าจะสามารถพัฒนาทักษะบุคลากรได้มากกว่าล้านคน
นายกิติพงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อว.ได้สำรวจความต้องการกำลังคนในช่วงปี 2563-2567 ใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังนี้ อุตสาหรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ความต้องการบุคลากรในปี 5 ข้างหน้า รวม 9,836 คน อุตสาหกรรมดิจิทัล 30,742 คน อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 29,289 คน อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 17,732 คน อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 10,020 คน อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต 12,231 คน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 6,434 คน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้มีรายได้และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 15,432 คน อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 14,907 คน อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต 12,458 คน อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 5,219 คน อุตสาหกรรมพัฒนาบุคลากรและการศึกษา 12,254 คน
นายกิติพงค์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2564 อว.ได้รับงบในภาพรวมกว่า 150,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบเงินเดือนอาจารย์ นักวิจัย และบุคลากร กว่า 70,000 ล้านบาท งบวิจัย 20,000 ล้านบาท งบผลิตบุคลากร 20,000 ล้านบาท งบพัฒนาและลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 20,000 ล้านบาท เหลือกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นงบส่งเสริมด้านการพัฒนานวัตกรรม ขณะเดียวกันรัฐบาลเพิ่มงบกว่า 120,000 ล้านบาท เพื่อให้ อว.นำไปใช้ให้เกิดการจ้างงานตามโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย
“อว.จะเริ่มดำเนินการ เบื้องต้น สอวช.จะคุยกับมหาวิทยาลัยเพื่อปรับระบบการผลิตคน ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะเน้นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) มหาวิทยาลัยกลุ่มที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เป็นต้น ส่วนกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) จะให้เน้นการพัฒนาการทำงานในท้องถิ่น” นายกิติพงค์ กล่าว
